.::: www.DjohmmY.ob.tc :::.
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

.::: www.DjohmmY.ob.tc :::.

::: คลับคนรักเสียงเพลง ::: พูดคุยทั่วไป ฟังเพลง แจกเพลง Vampire , Programs , Game , Ringtone , HI5 , ....
 
บ้านLatest imagesค้นหาสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 เสียดาย! (เลือกเอาว่าเราจะเสียดายอะไร)

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Anna8601

Anna8601


จำนวนข้อความ : 7
Join date : 21/02/2010
Age : 32

เสียดาย! (เลือกเอาว่าเราจะเสียดายอะไร)  Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: เสียดาย! (เลือกเอาว่าเราจะเสียดายอะไร)    เสียดาย! (เลือกเอาว่าเราจะเสียดายอะไร)  I_icon_minitimeWed Sep 08, 2010 2:33 pm

คนที่ทะเลาะกันมองไม่เห็นหรอกว่าตัวเองถูกหรือผิด ? คนที่ไม่เคยลำบากไม่รู้หรอกว่าความลำบากนั้นเป็นอย่างไร ? คนที่ไม่เคยตกงานไม่รู้หรอกว่าการได้งานทำนั้นสำคัญแค่ไหน ? ฯ ล ฯ เรื่องบางเรื่องในชีวิตนี้เราอาจจะมีโอกาสทดลองหรือสัมผัสได้มากกว่าหนึ่งครั้ง เรื่องบางเรื่องมีโอกาสได้แก้ตัว แต่เรื่องบางเรื่องในชีวิตนี้จะผ่านมาและเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ไม่มีโอกาสแก้ตัว เพราะเรื่องบางเรื่องต้องอาศัยเวลาเกือบทั้งชีวิตจึงจะรู้ว่าสิ่งที่ผ่านมานั้นถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดี และเรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่งสำหรับคนที่เป็นลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือนคือประสบการณ์ชีวิตและข้อคิดจากการเป็นลูกจ้าง ข้อคิดหรือบทเรียนส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นเมื่อเวลาล่วงเลยไปแล้ว ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ผิดซ้ำเรื่องเดิมกับคนรุ่นก่อนๆผมจึงอยากสรุปคำว่า เสียดาย ของอดีตมนุษย์เงินเดือน เพื่อฝากเตือนใจมนุษย์เงินเดือนรุ่นใหม่ ให้หลีกเลี่ยง หรือป้องกันดังนี้


เสียดาย! ไม่ตั้งใจทำงานในช่วงแรกของชีวิตการทำงาน

ไม่ว่าจะเป็นอดีตมนุษย์เงินเดือนหรือมนุษย์เงินเดือนรุ่นพี่ๆในปัจจุบัน มักจะรู้สึกเสียดายกับชีวิตการทำงานที่ผ่านมาเนื่องจากช่วงแรกๆของการทำงานไม่ค่อยตั้งใจและทุ่มเทมากนัก เนื่องจากตอนนั้นคิดว่าทำงานแลกกับเงิน ได้เงินน้อยก็ทำน้อย ที่ไหนให้มากก็ขยันขึ้นมาหน่อย คิดอย่างเดียวว่าถ้าขยันทำมาก เจ้านายจะติดใจและใช้มากขึ้นเรื่อยๆ เราก็เหนื่อยอยู่คนเดียว มารู้ตัวอีกครั้งก็ต่อเมื่อทำงานไปตั้งนานไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเสียที เด็กรุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาแซงหน้าไปเสียแล้ว ที่สำคัญชีวิตช่วงแรกที่ทำงานมักจะเป็นช่วงที่เราจะรู้สึกว่าทำงานเหนื่อยกว่าตอนเรียน ดังนั้น วัยนี้คนทำงานบางคนก็เริ่มเที่ยว ดื่ม กิน ใช้ชีวิตเปลืองมาก เลิกงานเสร็จเที่ยวต่อจนดึกดื่น เผลอๆ บางวันใส่ชุดเดิมมาทำงาน แล้วจะทำงานดีได้ยังไง กายและใจมาทำงานเพียงครึ่งเดียว เพื่อนบางคนก็มัวแต่ทำงานเพื่อค้นหาตัวเองว่างานที่กำลังทำอยู่นั้นใช่สิ่งที่ต้องการหรือไม่ บางคนก็ทำงานเพื่อรอโอกาสหางานใหม่ สุดท้ายชีวิตการทำงานในช่วงแรกๆ แทนที่จะมีเส้นการเรียนรู้ที่สูงขึ้น กลับกลายเป็นเส้นที่แบนราบ อายุงานผ่านไปแต่อายุใจที่มีต่องานยังอยู่เท่าเดิม

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะตั้งใจและขยันทำงานตั้งแต่ปีแรกที่ทำงาน และจะกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่รับผิดชอบ เพราะตอนนี้ผลกรรมเริ่มสนองให้เห็นแล้วว่าการใช้ชีวิตแบบประมาทนั้นส่งผลต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว

เสียดาย! ที่เปลี่ยนงานมากไปหน่อย

ถ้าดูประวัติมนุษย์เงินเดือน บางคนจะเห็นว่าเปลี่ยนงานทุกปี ปีละครั้งสองครั้ง ตอนที่เปลี่ยนงานก็มีเหตุผลมาสนับสนุนมากมาย เช่น เงินเดือนสูงกว่า อยู่ใกล้บ้าน งานใหม่ท้าทายกว่า เป็นต้น แต่เมื่อมาถามตอนนี้ว่าผลการเปลี่ยนงานบ่อยในอดีตนั้นดีหรือไม่ คำตอบที่ได้ก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่หลายคนตอบว่าถ้าพิจารณาถึงผลระยะยาวแล้วอาจจะไม่เป็นผลดีนัก เพราะประสบการณ์ในแต่ละที่นั้นน้อยเกินไป

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะทำงานในแต่ละที่ไม่น้อยกว่า 3 ปี เพราะน่าจะเป็นเวลาที่เราได้ครบทั้งการเรียนรู้ ( Learn ) การทำงาน ( Perform ) และการพัฒนาปรับปรุงงาน ( Improve ) แต่ทั้งนี้อาจจะต้องขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตเพราะบางช่วงอาจจะเปลี่ยนบ่อยเพราะตลาดกำลังโต ชีวิตกำลังรุ่ง แต่บางช่วงอาจต้องหยุดพักหายใจและสั่งสมประสบการณ์ ก่อนที่จะไต่ระดับขึ้นสู่ที่สูงขึ้น



เสียดาย! ที่ไม่ได้ศึกษาต่อ

ความเสียดายข้อนี้ผมเชื่อว่าเกินครึ่งของมนุษย์เงินเดือนที่มีความรู้สึกแบบนี้ เพราะตอนเข้ามาทำงานแรกๆ เกือบทุกคนมักจะคิดว่าจะหาเวลาไปศึกษาต่อ รอเก็บเงินค่าเทอมไปสักพักก่อนและรอให้ทำงานเข้าที่ก่อน แต่ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างทำให้มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่พลาดเป้าหมายนี้ไป เช่น งานยุ่งไม่มีเวลาเรียน พอจะเรียนก็เปลี่ยนงาน ไม่มีเงินค่าเทอม ขี้เกียจอ่านหนังสือ ใจอยากเรียนแต่ไม่เคยแม้แต่จะลงมือทำอะไรเลย บางคนลองไปเรียนแล้วแต่ไปไม่รอดเพราะแบ่งเวลาไม่เป็น อดีตมนุษย์เงินเดือนหลายคนคิดย้อนกลับไปว่าถ้าตอนนั้นเรียนต่อในระดับนั้นระดับนี้ ป่านนี้คงจะประสบความสำเร็จไปมากกว่านี้แน่นอน เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งมีโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิต คุณสมบัติครบทุกอย่าง ขาดอย่างเดียวคือวุฒิการศึกษาไม่ถึง เลยเสียโอกาสที่สำคัญในชีวิตการทำงานไป มาถึงตอนนี้ก็แก่เกินเรียนไปแล้ว ยิ่งออกมาทำธุรกิจส่วนตัวถึงแม้จะมีเวลามากขึ้น แต่กำลังใจน้อยลง แรงใจมีน้อยลง และไม่รู้จะเรียนไปทำไม เพราะงานธุรกิจส่วนตัวที่ทำอยู่ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาสูงๆ ก็ได้

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คิดว่าจะต้องตัดสินใจเรียนตั้งแต่เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ สักปีสองปี จะยอมอดทนไปสักระยะหนึ่ง และจะเรียนให้จบก่อนที่จะเปลี่ยนงานใหม่หรือมีครอบครัว





เสียดาย! ที่ใช้เงินไม่รู้จักคิด


มนุษย์เงินเดือนสมัยนี้ ยังไม่ถึงกลางเดือนก็ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่เฉยๆแล้ว เพราะว่าได้ใช้เงินในอนาคตไปหมดเสียตั้งแต่ต้นเดือน ด้วยค่านิยมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไป หลงเชื่อในบัตรเครดิต บัตรเงินผ่อนต่างๆที่ต่างออกมาหลอกล่อให้เราจับจ่ายใช้สอย จนบางครั้งก็เกินตัวและเกินพอดี มารู้ตัวอีกทีทำงานมาเกือบ10ปีตัวเลขในธนาคารยังอยู่หลักพันไม่ขยับสักที อยากได้อะไรก็ซื้อ ซื้อของฟุ่มเฟือยด้วยความหน้าใหญ่ในตอนหนุ่มสาว มารู้ตัวอีกทีเห็นเพื่อนฝูงในวัยเดียวกันเริ่มทำงานพร้อมกันแต่เก็บเงินซื้อบ้านซื้อรถได้แล้วในขณะที่เรายังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หรือกำลังเป็นหนี้หัวโตอยู่ ด้วยคิดแค่เพียงว่าไว้พรุ่งนี้ค่อยเก็บก็ได้ เดือนหน้าก็ได้ ไว้รอโบนัสออกก่อนก็ได้ แล้ววันนั้นก็ไม่เคยมาถึงสักที

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะเริ่มเก็บเงินตั้งแต่เดือนแรกของการทำงาน ทำบัญชีใช้จ่าย กันเงินไว้ออมก่อนเสมอที่เหลือค่อยเก็บไว้ใช้จ่าย ไม่ใช่ใช้ก่อนเหลือเท่าไหร่ค่อยเก็บ เพราะถ้าเราเก็บเงินเดือนละ 5000 บาททุกเดิอน ป่านนี้เราคงมีเงินอย่างน้อยๆ 600000 บาทนอนอยู่ในธนาคารแล้วล่ะ


เสียดาย! ที่มัวแต่ทะเลาะกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน

มนุษย์เงินเดือนหลายคนเสียเวลาไปกับปัญหาคนเยอะมาก ทั้งปัญหาหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน บางคนก็มีปัญหากับลูกน้องอีก วันๆ เสียเวลาของสมองไปกับการคิดถึงปัญหาคนอื่น ตอนที่เป็นลูกจ้างเรามักจะคิดว่าปัญหาทะเลาะกับคนทำงานเป็นปัญหาใหญ่ เลยใช้เวลากับมันมาก เครียดกับมันมาก จนแทบไม่มีเวลาไปพัฒนาหรือปรับปรุงงานของตนเองเลย ตอนนั้นลืมไปว่า จริงๆแล้วไม่มีใครทำงานอยู่กับเราไปตลอดชีวิตและเราเองก็ไม่ได้ทำงานอยู่กับคนที่เราไม่ชอบไปตลอดชีวิตเช่นกัน แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดแบบนี้ คิดอย่างเดียวว่าวันนี้เรากับเขาจะมีปัญหากันเรื่องอะไรอีก คิดว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วใครเป็นคนผิด สุดท้ายแล้วเราก็จะจมอยู่กับปัญหาคนที่บางครั้งเคยหนีจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งแล้ว ปัญหาคนเก่าหายไป แต่...ปัญหาคนใหม่ก็เกิดขึ้น

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะคิดเสียว่าปัญหาคนเหมือนกับปัญหารถชนกันบนถนนที่เราไม่ต้องไปสนใจให้มากนัก แต่เราควรจะสนใจว่าเส้นทางที่เรากำลังจะเดินไปนั้นอยู่อีกไกลไหม เรามีเวลาเหลืออีกนานไหม ต้องคิดว่าไม่มีใครทำงานไปกับเราตลอดชีวิตและเราเองก็ไม่ได้ทำงานอยู่กับใครไปตลอดชีวิตเช่นกัน และคิดว่าถ้าเรารับปัญหาคนอื่นไม่ได้ เราคงจะก้าวขึ้นไปในตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้นไปไม่ได้ เพราะยิ่งสูงปัญหาคนยิ่งมากและซับซ้อนมากขึ้น

เสียดาย! ที่แต่งงานเร็วไปหน่อย

มนุษย์เงินเดือนหลายคนเสียโอกาสในความก้าวหน้าในอาชีพไปเพราะรีบเป็นฝั่งเป็นฝาเร็วเกินไป คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว หาเงินได้เองแล้ว ปกครองและดูแลตัวเองได้แล้ว ก็เริ่มคิดที่เอาคนอื่นมาดูแลเพิ่มเติม (ทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ดูแลพ่อแม่ที่ส่งเสียให้เรียนมาจนจบ ) เมื่อชีวิตแต่งงานเข้ามาเร็ว ชีวิตครอบครัวเข้ามาเร็ว ปัญหาประจำตำแหน่งชีวิตคู่ก็เข้ามาเร็ว ทั้งๆที่อายุงานและประสบการณ์ชีวิตในหน้าที่การงานยังน้อยอยู่ ทำให้ปัญหาครอบครัวเริ่มมาเป็นตัวถ่วงในเรื่องความก้าวหน้าในอาชีพ เพราะไหนจะต้องให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น เวลาที่จะทุ่มเทกับงานน้อยลง ถ้าใครยังทุ่มเทกับงานมากอยู่อีกก็จะทำให้เกิดปัญหาครอบครัว เงินเก็บที่ยังไม่เต็มที่ก็ต้องควักออกมาใช้ เพราะมีลูกทั้งๆที่ยังไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน คิดง่ายๆ ว่าในช่วงเวลาเดียวกันเพื่อนเราที่ยังไม่แต่งงานเขามีเวลาทุ่มเทกับการทำงานเพื่อปีนป่ายขึ้นไปสู่จุดหมายแห่งความสำเร็จ ในขณะที่เราต้องปีนป่ายเหมือนกันกับเขา แต่เราต้องกระเตงคู่สามีหรือภรรยาและลูกไปด้วย นึกดูเอาเองก็แล้วกันนะครับว่าใครจะปีนไปได้สูงและไกลกว่ากัน

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะทำงานก่อนสักระยะหนึ่ง อย่างน้อยก็ได้มีโอกาสเลื่อนตำแหน่งงานบ้าง มีเงินเก็บสักก้อนหนึ่ง หรืออาจจะมีประสบการณ์ในการทำงานที่เพียงพอต่อการหางานใหม่ที่มีตำแหน่งที่สูงกว่าก่อน จึงคิดจะแต่งงาน

เสียดาย! ที่ไม่ตั้งใจเรียนภาษาต่างประเทศ



" เสียดายภาษอังกฤษไม่ดี " เป็นคำพูดที่มักจะได้ยินจากอดีตมนุษย์เงินเดือนที่ไปสัมภาษณ์งานมาใหม่ๆ ที่มักจะรู้สึกเสียดายบริษัทฝรั่งที่เสนอเงินเดือนให้สูงๆ แต่ติดที่ภาษาอังกฤษไม่กระดิกเลย และทำงานแต่บริษัทคนไทยจึงไม่มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย บางคนจะหันมาเอาดีในการเรียนภาษาก็ต่อเมื่อบินสูงแล้ว ซึ่งพัฒนาได้ยากเพราะว่ามีเวลาน้อยและภารกิจทั้งเรื่องงานและครอบครัวที่เพิ่มมากขึ้น

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะเรียนภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มทำงานและจะเลือกทำงานกับบริษัทต่างชาติตั้งแต่ต้น หรือไม่ก็อาจหาเงินไปเรียนต่อต่างประเทศ

เสียดาย! ที่หาตัวเองเจอช้าไปหน่อย

มนุษย์เงินเดือนบางคนทำงานมาเป็นสิบปีแล้ว ยังหาตัวเองไม่เจอเลยว่าเป้าหมายชีวิตของตัวเองคืออะไร จะทำงานเป็นลูกจ้างไปเรื่อยๆ จนเกษียณหรือจะออกไปทำอาชีพอิสระ ขนาดถามว่างานที่ชอบหรืออยากทำคืองานอะไร ยังตอบไม่ได้เลย อย่างนี้จะก้าวหน้าในอาชีพการงานได้อย่างไร พูดง่ายๆ คืออดีตมนุษย์เงินเดือนหลายคนทำงานเหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง วันๆก็ตื่นขึ้นมาไปทำงาน เสร็จงานกลับบ้าน วันหยุดก็อยู่บ้าน รูปแบบชีวิตเหมือนเดิมเป็นสิบปี มารู้ตัวอีกทีก็ช้าไปเสียแล้ว เพื่อนๆในรุ่นเดียวกันไปไหนต่อไหนจนมองไม่เห็นหลังกันแล้ว

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะวางแผนชีวิตตัวเองตั้งแต่เริ่มทำงานว่าอีกกี่ปีจะเป็นอะไร จะทำอะไร จะต้องได้อะไร และแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปีควรจะทำอะไรบ้าง อย่างไร



ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนควรจะเชื่อและเอาแบบอย่าง แต่ก็ไม่อยากให้มนุษย์เงินเดือนมองข้ามคำว่า

เสียดาย! ของมนุษย์เงินเดือนรุ่นพี่ๆ อย่างน้อยก็น่าจะนำไปเป็นคำถาม ถามตัวเองว่า เราอยากจะรู้สึกเสียดายในเรื่องนั้นเรื่องนี้เหมือนรุ่นพี่ๆ หรือไม่ ถ้าไม่ เราควรจะทำอย่างไรตั้งแต่วันนี้
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
เสียดาย! (เลือกเอาว่าเราจะเสียดายอะไร)
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
.::: www.DjohmmY.ob.tc :::. :: บทความทั่วไป เอกสารอิเล็กทรอนิค / ETCE-Book & Vedio-
ไปที่: